หนังตะลุง มรดกชาติ ที่ได้รับการสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น การแสดงหนังตะลุงได้ผ่านร้อนผ่านหนาว จากต้นกำเนิดที่อินเดีย ผ่านยุคสงครามโลก มาถึงการปรับให้เข้ากับยุคสมัย ทุกอย่างได้ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ พิพิธภัณฑ์หนังตะลุงสุชาติ โดยมี พี่กุ้งนาง คุณสารภี ทรัพย์สิน ลูกสะใภ้ของคุณลุงสุชาติ ทรัพย์สินพาทัวร์เล่าเรื่องกัน
คุณลุงสุชาติ ทรัพย์สิน เกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นช่างแกะหนังตะลุงยอดฝีมือและนายหนังชั้นครูของจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดบ้านและที่ทำงานของตัวเองเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน และพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงนานาชาติ
ภายในพิพิธภัณฑ์ Home Museum แห่งได้เก็บรวบรวมหนังตะลุง หลายยุคหลายเชื้อชาติ หลากสมัยไม่ว่าจะเป็นจากประเทศอินโดนีเซียที่ใช้หนังวัวทำเหมือนของไทย ประเทศอินเดียที่ใช้หนังแพะเนื่องจากวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พาหานะของพระศิวะ ตุรกีที่ใช้หนังอูฐ หรือแม้กระทั่งของจีนที่ทำให้ถอดหัวได้
การแสดงหนังตะลุงก็จะมีขั้นตอนพร้อมกับตัวตะลุงที่จะต้องเริ่มจาก ฤาษีหรือพ่อครู อิศวร ปรายหน้าบท เจ้าเมือง นางเมือง พระเอก นางเอก เทวดา ยักษ์ นางยักษ์ ยักษ์บ้า พระ ตัวเอียด ผี ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่อง
หากมองไปที่มุมห้องก็จะเห็นตัวตะลุงที่เป็นขนาดเล็ก ซึ่งก็เป็นการปรับให้เข้ากับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่การแสดงหนังตะลุงในที่แจ้งได้ถูกสั่งห้ามเพื่อหลีกเลี่ยงการทิ้งระเบิด จึงได้ปรับมาเป็นตัวเล็กให้เล่นได้ภายในอาคาร
พี่กุ้งเล่าให้ฟังอีกว่า ในบั้นปลายชีวิตของคุณลุงสุชาติจะเล่าพร้อมน้ำตาซึม ๆ ถึงเวลาที่แกได้เข้าเฝ้าในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่เสมอ ท่านกล่าวกลับคุณสุชาติว่า “ขอบใจนะ ที่รักษาสมบัติชาติและไม่หวงวิชา” และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้คุณลุงสุชาติยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้ โดยที่ไม่คิดเงินและเปิดทุกวันตั้งแต่แกยังมีชีวิตอยู่
“เราต้องเปิดทุกวัน คุณพ่อย้ำว่านักท่องเที่ยวหลายคนเขาเดินทางมาไกลเพื่อมาเรียนรู้ อย่าทำให้เขาผิดหวัง” พี่กุ้งย้ำคำที่คุณสุชาติบอกเสมอ
ระหว่างตอนที่พูดคุยกับพี่กุ้งได้แชร์ประสบการณ์ก่อนที่ลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ เพราะทนเห็นครอบครัวที่ต้องอยู่ห่างกันไม่ได้ ครั้งหนึ่งที่พี่กุ้งกำลังขึ้นรถพร้อมลูกเพื่อกลับกรุงเทพฯ ก็ได้เห็นหลานวิ่งเข้ามาร้องไห้และบอกกับเธอว่า “จะพาน้องไปอีกแล้วหรอ”
“พี่ทนความรู้สึกไม่ได้ ครั้งนั้นพี่ก็เลยกลับไปเพื่อลาออกและมาอยู่ที่นครฯ กับครอบครัวและลูกหลาน” พี่กุ้งเล่าทั้งน้ำตา
แคสเปอร์ก็อดคิดไม่ได้ว่า มีอีกกี่ครอบครัวที่จะต้องจากลากันเพื่อ “ชีวิตที่ดีกว่า” มันถึงเวลาแล้วไหมที่จะทำให้ชีวิตที่ดี การงานที่ดี รายได้ที่ดี อยู่ได้ทุกที่ทั่วไทย