กินง่าย สไตล์พื้นบ้าน กับน้ำพริกพันวาภูเก็ต

ราคาหลักสิบ รสชาติหลักพัน น้ำพริกฝีมือกลุ่มแม่บ้านแหลมพันวา ภูเก็ต ที่กินกับอะไรก็อร่อยจนต้องร้องว่า “หรอยอย่างแรงนิ๊”

เรื่องและภาพ สิทธินนท์ ลือใจ

“กินอะไรดี” ยังคงเป็นคำถามของคนทุกเพศทุกวัย แน่นอนว่าถ้านึกไม่ออกว่าจะกินอะไร ก็คงคิดไปได้ไม่ไกลนอกจาก“ กะเพราไก่ไข่ดาว” อาหารคลาสสิคที่คนส่วนใหญ่ เวลานึกอะไรไม่ออกก็ลั่นวาจาออกไปแบบอัตโนมัติ แต่ถ้าอยากหาอะไรแปลก ๆ กินละก็ เสนอ (เสียงพูดแบบในที่วีไดเร็ค) “ น้ำพริกพันวา” น้ำพริกราคาหลักสิบ รสชาติหลักพัน การันตีความอร่อย สะอาด ถูกสุขลักษณะอนามัย ผลิตโดยกลุ่มแม่บ้านแหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต ว่าแล้วก็ขอพาไปรู้จักความเป็นมาของน้ำพริกพันวากันดีกว่า ขอบอกว่า อร่อยจนต้องแหลงออกมาเป็นภาษาใต้สำเนียงภูเก็ตเลยว่า“หรอยอย่างแรง ถูกใจเลยนิ๊”

ก่อนจะเริ่มทำความรู้จักกับน้ำพริกพันวาแสนอร่อยนี่ ต้องขอขอบคุณข้อมูลประดับความรู้จาก อาจารย์ พิริญญา กฤศวงศ์งาม ประธานสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รับรองว่าหากติดตามจนจบ ได้อิ่มทั้งท้องและความรู้กันทั่วหน้าเลยทีเดียว

จุดเริ่มต้น

จุดเริ่มต้นของน้ำพริกพันวาเกิดขึ้นเมื่อมีบางคนในกลุ่มแม่บ้านแหลมพันวา ที่ร่วมทีมกันทำน้ำพริกนั้นไม่มีงานทำ ก็เลยคิดอยากจะเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว จึงร่วมมือร่วมทีมกันใช้จุดแข็งที่มีอยู่ นั้นคือเป็นสมาชิกกลุ่มแม่บ้านที่สามารถทำอาหารได้ “อื้มมม อา โหร่ยยย“ (นึกถึงหน้าคุณโชเล่ย์ ดอกกระโดน เจ้าของวลีดัง) น้ำพริกมักจะเป็นอาหารที่คนไทยทั่วไปนิยมกินกัน ทางทีมแม่บ้านก็เลยคิดสูตรน้ำพริกขึ้นมา จึงได้ถือกำเนิด เกิดเป็นน้ำพริกพันวาที่แสนอร่อย ของกลุ่มแม่บ้าน แหลมพันวา ภูเก็ต

เอกลักษณ์

สำหรับเอกลักษณ์ของน้ำพริกพันวา ราคาหลักสิบรสชาติหลักพันนี่ จุดเด่นอยู่ที่การใช้วัตถุดิบที่มาจากท้องถิ่นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกปลาฉิงช้าง เอาปลาฉิ้งฉ้างที่มาจากเกาะยาว  จังหวัดพังงา หรือน้ำพริกไตรปลา ก็ได้วัตถุดิบการผลิตมาจากชาวบ้านในท้องถิ่น ทำการหมักโดยชาวบ้านเอง เพราะฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่า ส่วนประกอบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตน้ำพริกของที่นี้สดใหม่ สะอาดและยังปลอดสารพิษแน่นอน

กระบวนการผลิต

สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ทำการศึกษาเก็บข้อมูลสำรวจวิธีการผลิตของกลุ่มแม่บ้านที่ผลิตน้ำพริก ซึ่งทางกลุ่มแม่บ้านก็ใช้วิธีการแบบดังเดิมโดยการผัดส่วนผสมบางส่วนในกระทะ แต่การผลิตก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละสูตร ซึ่งเป็นวิธีการที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น (ข้อมูลสูตรต่างๆ เป็นความลับ ใครอยากรู้ก็ต้องไปเป็นลูกเขย ลูกสะใภ้ของกลุ่มแม่บ้านเองนะเออ)

เป้าหมาย

ปัจจุบัน ทางสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้เข้ามาช่วยพัฒนาน้ำพริกพันวา ให้มีลูกค้าหลากหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น ได้เข้ามาช่วย พัฒนาสินค้าในเรื่องการเพิ่มอายุการเก็บรักษาให้นานขึ้น และการให้ข้อมูลต่างๆ บนฉลากผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะข้อมูลด้านโภชนาการ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดในการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ OTOP ได้ ในด้านรชาตินั้น น้ำพริกพันวาก็น่าจะเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นขึ้นไป ไม่เหมาะกับเด็ก เพราะมีรสเผ็ด เลยเป็นวัยที่ค่อยข้างจะไปทางวัยที่โตขึ้นไปหน่อย สามารถกินของเผ็ดได้

 

แนวคิด

น้ำพริกพันวาของกลุ่มสุดยอดแม่บ้านแหลมพันวาภูเก็ต มีหลายรสชาติและหลายแบบ แต่ที่โดดเด่นแซงทางโค้งขายดี มีคนมาอุดหนุนมาก จะเป็นน้ำพริกปลาฉิ้งฉ้าง ไตรปลาแห้ง และก็ปลาหยองทรงเครื่อง ทั้งนี้ทางสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต รับมอบหมายภารกิจมาว่า ตอนนี้สิ่งที่กลุ่มแม่บ้านทำน้ำพริกขายกันอยู่ คือการขายในกระปุก ราคาประมาณ 35 - 40 บาท แต่มีจุดอ่อนอยู่ที่อายุการเก็บรักษาค่อนค้างสั้น ไม่สามารถเก็บนอกตู้เย็นได้นาน เลยได้มีแนวคิดที่จะเพิ่มเวลาการเก็บรักษาของน้ำพริกให้นานขึ้น สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ก็เลยรวมทีมกันช่วยเหลือ ได้ทำการศึกษาพัฒนาให้มีอายุการเก็บรักษานานขึ้น

อายุการเก็บรักษาน้ำพริกแต่ละแบบมีอายุที่แตกต่างกันออกไป สำหรับแบบแรกที่ทำขึ้นมาเลยก็คือน้ำพริกปลาฉิ้งฉ้าง โดยใช้วิธีการบรรจุในสภาวะสูญญากาศ ทำให้อากาศภายในบรรจุภัทณ์น้อย เพื่อที่จะช่วยทำให้เพิ่มอายุการเก็บรักษาของน้ำพริกนานขึ้น จนได้ทดลองทั้ง 3 แบบ อย่างแรกเลยก็จะมี ไตรปลาแห้ง ปลาหยองทรงเครื่อง ผลที่ได้ก็คือจากเดิม น้ำพริกปลาฉิ้งฉ้าง ที่เก็บนอกตู้เย็นได้ 14 วัน เพิ่มขึ้นเป็น 45 วัน หรือประมาณ 7 สัปดาห์ ส่วนไตรปลาแห้งจากเดิมที่ไม่ได้เก็บอยู่ในตู้เย็น ตอนที่ยังไม่ได้ใส่บรรจุภัณฑ์ จะสามารถเก็บได้แค่ประมาณเกือบ 30 วัน  แต่มาได้ทดลองเปลี่ยนใส่บรรจุอยู่ในถุงสูญญากาศก็เพิ่มอายุได้ถึง 55 วันหรือประมาณ 8 สัปดาห์ และตัวสุดท้ายท้ายสุด ปลาหยองทรงเครื่อง ได้พบว่าแบบที่มีบรรจุภัณฑ์แบบกระปุกกับแบบที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นแบบถุง อายุการเก็บก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไร จึงสามารถนำไปขายเป็นผลิตภัณฑ์แบบเดียวกันได้ อายุการเก็บรักษาอยู่ที่ประมาณ 110 วัน หรือเกือบ 4 เดือน

ต่อยอด

ความสวยงามของบรรจุภัณฑ์นั้น มีความสำคัญไม่น้อย แน่นอนว่าถ้าบรรจุภัณฑ์สวยใครก็อยากซื้อ กลุ่มแม่บ้านก็ไม่ค่อยมีความพร้อมเรื่องนี้มากสักเท่าไร แต่ว่าทางวิชาสาขาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตรมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ก็ได้ช่วยออกแบบ ช่วยพัฒนาในส่วนของผลิตภัณฑ์ เลยเป็นก้าวแรกที่ทำให้ผลิตภัณฑ์น้ำพริกพันวา เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นและยังได้ความร่วมจากทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตที่มีกลุ่มคณะอาจารย์วิชาการตลาดและการบัญชี ร่วมทีมกันด้วย ทำให้เกิดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามดูทันสมัยสามารถที่จะนำไปวางจำหน่ายได้บนชั้นวางของตามห้างต่างๆ ได้สังเกตถึงความสำคัญของการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เมื่อบรรจุภัณฑ์สวยงามผลที่ตามาคือยอดขายออนไลน์ที่เข้ามาอย่างถล่มทลาย

 

ผลตอบรับ

พระเอกของเรื่องทีมเดิม สาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้ทำการสำรวจ รวบรวมข้อมูล โดยใช้การสอบถามความเพิงพอใจของทีมแม่บ้านที่ผลิตน้ำพริกพันวา ที่ทางสาขาได้เข้าไปช่วยพัฒนาโครงการให้ ซึ่งทางกลุ่มแม่บ้านก็พอใจกับสิ่งที่สาขาช่วยค่อนข้างมาก เพราะอย่างแรกเลยก็คือ ได้เพิ่มอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์น้ำพริกได้นานขึ้น ถ้าทางกลุ่มแม่บ้านสามารถนำไปวางขายบนชั้นวางของในห้างสรรพสินค้าหรือชุปเปอร์มาร์เก็ต 1 lot ก็สามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น และอย่างที่สอง ก็ได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ ให้ดูสวยงามทันสมัยขึ้น ทำให้ดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น หันมาซื้อผลิตภัณฑ์ และอย่างสุดท้ายก็คือฉลากโภชนาการ ได้วิเคราะห์ ใส่ลงในบรรจุภัณฑ์ จะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสนใจ เพราะทางผู้บริโภคสามารถดูข้อมูลที่สนใจได้

สรุป

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าอาหารในปัจจุบันมีมากและหลากหลายจนเราเลือกกิน เลือกรับประทานกันไม่ถูกทางสุดยอดทีมแม่บ้านแหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต ก็เลยได้สร้างสรรค์อาหาร ที่กินง่ายและสุดคลาสสิคขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลกที่ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ซึ่งน้ำพริกพันวานี้แหละที่ตอบโจทย์ได้ เพราะไม่ว่าจะกินกับอะไรก็อร่อย จะเป็นข้าวกับปลาทูทอด ผักลวกต่างๆ กับข้าวสวยร้อนๆอย่างเดียวก็กินได้ หรือถ้าหากเรามีอย่างอื่นที่สามารถกินกับน้ำพริกพันวาที่สุดแสนอร่อยนี้ เราก็สามารถบรรเลงกินได้ตามสไตล์ของเราเอง และที่สำคัญ จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยก็คือ การอุดหนุน เพิ่มยอดขาย รายได้ให้กับเกษตรกรพื้นบ้านตามพื้นที่ต่างๆ ที่ทางทีมแม่บ้านได้ไปเอาวัตถุดิบมาทำน้ำพริกพันวาสุดเจ๋งนี้ เรียกได้เลยว่า “อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งท้องกันเลยทีเดียวนิ๊ พี่บ่าว เฮ้อ”

 


Exploring the Latest in Our Blog

Related Insights

Check out other insights