ถอดบทเรียน "Innovative Korea": กลยุทธ์นวัตกรรมที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้

ประเทศเกาหลีใต้ไม่ใช่เพียงผู้นำด้านเทคโนโลยีในเอเชีย แต่ยังเป็นกรณีศึกษาระดับโลกว่าด้วยการเปลี่ยนจากประเทศที่เน้นการลอกเลียนแบบ มาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในระดับโลกได้อย่างไร

ในบริบทของผู้ประกอบการไทย นี่คือ 6 บทเรียนสำคัญที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทันที:

1. เริ่มจาก “การดูดซึมเทคโนโลยี” แล้วค่อยขยับสู่ “นวัตกรรมของตนเอง”

เกาหลีใต้เริ่มจากการนำเข้าเทคโนโลยีผ่านการลิขสิทธิ์, วิศวกรที่จบจากต่างประเทศ, และการเรียนรู้จากการผลิต จากนั้นค่อย ๆ สร้างศักยภาพการวิจัยและพัฒนาของตนเอง จนสามารถคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ในประเทศได้

→ สำหรับไทย: ผู้ประกอบการควรมองหาการ “เรียนรู้และปรับใช้” เทคโนโลยีจากต่างประเทศในระยะต้น และลงทุนเพิ่มใน R&D หรือการทดลองสินค้าด้วยตนเองเมื่อพร้อม

2. รัฐคือผู้เร่งการพัฒนา ไม่ใช่แค่ผู้สนับสนุน

รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่เพียงให้เงินสนับสนุน แต่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ศูนย์วิจัยเฉพาะทาง (GRIs), การตั้งนิคมเทคโนโลยี (เช่น Daedeok และ Pangyo Techno Valley) และมีบทบาทนำในการกำหนดเป้าหมายเทคโนโลยีในยุคต่าง ๆ

→ สำหรับไทย: ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ เช่น BOI, กองทุนวิจัย, หรือการเข้าโครงการ sandbox เพื่อทดลองนวัตกรรม

3. การจับมือภาครัฐ-เอกชน-มหาวิทยาลัย คือสูตรเร่งนวัตกรรม

เกาหลีใต้เน้น “พันธมิตรสามฝ่าย” โดยที่รัฐเป็นผู้ปูทาง วิจัยพื้นฐานโดยมหาวิทยาลัยหรือ GRI และให้ภาคเอกชนต่อยอดเชิงพาณิชย์ เช่น กรณี Samsung ที่ต่อยอด DRAM จากภาครัฐจนกลายเป็นผู้นำโลก

→ สำหรับไทย: SME และ Startup ควรมองหาโอกาสความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทใหญ่ ผ่านโครงการร่วมวิจัย หรือร่วมทดลองตลาด

4. การลงทุนในนวัตกรรมต้อง "ต่อเนื่อง" และ "เข้มข้น"

เกาหลีใต้ลงทุน R&D สูงถึง 4.5% ของ GDP โดยเฉลี่ย 77% มาจากเอกชน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะโตแล้ว

→ สำหรับไทย: ธุรกิจควรตั้งงบสำหรับ R&D แม้จะเริ่มจากเล็ก ๆ เช่น การทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ ทดลองช่องทางขาย หรือการจ้างที่ปรึกษาทดลองใช้ AI / IoT

5. การเน้น SME และ Startup เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

รัฐบาลมีนโยบายเฉพาะเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมใน SME และ Startup เช่น การตั้งกฎหมายส่งเสริมธุรกิจ Venture (1997), โครงการ INNO-BIZ และเขตนวัตกรรมเช่น Pangyo ที่กลายเป็น Silicon Valley แห่งเกาหลี

→ สำหรับไทย: หากคุณเป็น SME หรือ Startup ควรติดตามนโยบายส่งเสริมของรัฐ และเลือกปักหลักในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ co-working space ที่เน้นเทคโนโลยี

6. นวัตกรรมควรสอดคล้องกับระดับพัฒนาของประเทศ

เกาหลีใต้เริ่มจาก “การไล่ทัน” (catch-up) ด้วยเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ก่อนจะเปลี่ยนไปสู่ “การสร้างเอง” (frontier innovation) อย่างค่อยเป็นค่อยไป

→ สำหรับไทย: ธุรกิจไม่จำเป็นต้องคิดใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น แต่ควรเลือกสิ่งที่ “ใช่ในจังหวะที่เหมาะ” โดยอาจเริ่มจากนวัตกรรมในกระบวนการผลิต การตลาด หรือการสร้างแบรนด์ที่สอดคล้องกับทุนมนุษย์ที่มี

สรุปสำหรับผู้ประกอบการไทย

“นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นการเดินเกมอย่างมียุทธศาสตร์”

บทเรียนจากเกาหลีใต้สะท้อนว่า ความสำเร็จด้านนวัตกรรมเกิดจากการมีระบบที่ผสาน ทุนวิจัย รัฐที่กล้าเสี่ยง เอกชนที่คิดยาว และการศึกษาที่มองอนาคต — ธุรกิจไทยเองสามารถเริ่มต้นจากจุดที่ตนอยู่ และค่อย ๆ ปีนบันไดนวัตกรรมขึ้นไปได้เช่นกัน

อ้างอิง: World Bank